6 แนวทางปรับปรุงร้านใหม่วิถี New Normal ปลอดภัยทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ
เคล็ดลับน่ารู้

6 แนวทางปรับปรุงร้านใหม่วิถี New Normal ปลอดภัยทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ

3.6K

12 มกราคม 2567

6 แนวทางปรับปรุงร้านใหม่วิถี New Normal ปลอดภัยทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ

        ตัวเลขของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด 19 ทั่วโลกยังคงพุ่งสูง และการระบาดนี้อาจจะอยู่ร่วมกับเราไปอีกหลายปี ก่อเกิด New Normal ใหม่ ที่ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป ระมัดระวังตัวเองมากขึ้น เน้นหลักอนามัยและความสะอาดปลอดภัยมากกว่าเดิม

        ในมุมของผู้ประกอบการร้านอาหาร ย่อมได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้มาก และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ โดยเฉพาะการปรับปรุงร้านใหม่เพื่อให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกไว้วางใจ ให้พนักงานมีความมั่นใจในการให้บริการ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจขับเคลื่อนต่อไปได้ในยุคนี้

        ในสถานการณ์ปกติ การรีโนเวทหรือปรับปรุงร้านใหม่ อาจทำเพื่อวัตถุประสงค์ด้านดีไซน์ มุ่งเน้นการตกแต่งร้านให้สวยงาม เข้ากับเทรนด์สมัยใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในยุคนั้น ๆ แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด ความสวยงามเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบหลัก แต่ต้องมาพร้อมกับความรู้สึกปลอดภัยของลูกค้าด้วย

6 แนวทางปรับปรุงร้านใหม่ ให้ปลอดภัยจากไวรัสโควิด

        1. แบ่งพื้นที่ ให้มีโซน Outdoor
        พื้นที่ Outdoor กลายเป็นโซนทองคำของธุรกิจร้านอาหารยุคโควิด จากผลวิจัยหลาย ๆ สถาบัน ให้ข้อมูลตรงกันว่า พื้นที่ปิดมิดชิดในห้องแอร์เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไวรัสสูงกว่าพื้นที่กลางแจ้งหลายเท่าตัว นั่นเป็นเพราะพื้นที่ภายนอกมีอากาศใหม่ถ่ายเทอยู่เสมอ และมีความโปร่ง โล่งกว้าง โอกาสในการติดเชื้อไวรัสจึงน้อยลงมาก

        ลองสำรวจพื้นที่หน้าร้านหรือโซนใดโซนหนึ่งที่พอจะปรับเปลี่ยนย้ายผนังใหม่ เพื่อให้ร้านของเรามีพื้นที่นั่งทานอาหารทั้งภายในและภายนอก วิธีนี้จะช่วยให้กลุ่มลูกค้าที่ไม่กล้านั่งภายในร้านเข้ามาใช้บริการมากขึ้น หรือแม้แต่ในช่วงการระบาดรุนแรง หากมีมาตรการจากภาครัฐสั่งห้ามไม่ให้นั่งทานที่ร้าน พื้นที่ภายนอกยังสามารถปรับเป็นจุดพักคอยให้กับพนักงานส่งอาหาร จะช่วยเว้นระยะห่างระหว่างพนักงานในร้านกับพนักงานส่งอาหาร เพราะหากพนักงานในร้านติดเชื้อขึ้นมา ร้านก็ย่อมดำเนินการต่อไม่ได้

        2. ลดปริมาณโต๊ะนั่ง
        โดยปกติร้านอาหารทั่วไปจะจำกัดที่นั่งเพื่อเว้นระยะห่างกันอยู่แล้ว อาจด้วยวิธีการนำสติ๊กเกอร์หรือนำป้ายห้ามนั่งมาติด แต่จากการสำรวจพบว่า วิธีนี้อาจใช้ไม่ได้ผลในบางสถานการณ์ และเมื่อมีปริมาณลูกค้าเข้าร้านอย่างต่อเนื่องกระทั่งที่นั่งไม่เพียงพอ ทางร้านจำเป็นต้องปล่อยให้ลูกค้านั่งในจุดที่ห้ามนั่งได้ 

        สิ่งเหล่านี้มีผลต่อความรู้สึก ส่งผลให้ลูกค้าที่ใช้บริการเป็นกังวล ไม่กล้าเข้าร้านในครั้งต่อ ๆ ไป เพราะการเบียดอัดคับแน่นภายในร้าน อาจกลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่ของการระบาดได้เลยครับ

        วิธีการที่ถูกต้อง ควรเก็บชุดโต๊ะเก้าอี้บางส่วนออกจากร้าน เพื่อให้เหลือปริมาณที่นั่งน้อยลง พร้อมจัดวางโต๊ะให้ห่างกันประมาณ 1.5-2 เมตร หรือนำฉากใสมาปิดกั้น จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยมากกว่าการนั่งติดชิดกัน และด้วยสถานการณ์เช่นนี้แล้ว โดยปกติปริมาณลูกค้าร้านต่าง ๆ ย่อมลดลงอัตโนมัติ การเก็บชุดโต๊ะออกจะช่วยลดต้นทุนการดูแล ช่วยให้ร้านดูโปร่งน่านั่งกว่าเดิมด้วยครับ

        3. ลดการสัมผัส
        เทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และปลอดภัยขึ้น ในช่วงสถานการณ์ไวรัสระบาด เหมาะอย่างยิ่งที่จะนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ร่วมกับร้านของเรา เช่น ประตูร้าน หากเดิมเป็นประตูบานผลักด้วยแรงคน ควรเปลี่ยนมาใช้ประตูบานเลื่อนเปิด ปิด อัตโนมัติเพื่อลดการสัมผัสตั้งแต่เข้าร้าน

        ภายในห้องน้ำ เป็นจุดที่จะต้องมีการสัมผัสกับร่างกายบ่อยครั้ง สามารถนำสุขภัณฑ์ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ได้ เช่น อ่างล้างมือ ควรเปลี่ยนมาใช้ก๊อกน้ำระบบเซนเซอร์ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสัมผัสขณะเปิด ปิด และควรมีโฟมหรือสบู่เหลวติดไว้ด้วยเสมอ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ทำความสะอาดมือบ่อยขึ้น 

        นอกจากระบบเซ็นเซอร์แล้ว ปัจจุบันสุขภัณฑ์ห้องน้ำได้พัฒนาสารเคลือบให้มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อโรค อย่างสุขภัณฑ์ COTTO ผ่านการเคลือบผิวด้วยเทคโนโลยี Ultra Clean+ สามารถลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 99% ภายใน 24 ชั่วโมง พร้อมกับฟังก์ชันชำระล้างอัตโนมัติ โดยผู้ใช้ไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ และทุก ๆ ครั้งที่มีการชำระล้าง ก้านฉีดชำระจะทำความสะอาดตนเองด้วยระบบ UV เทคโนโลยีอัตโนมัติเหล่านี้ ไม่เพียงแค่ลดการสัมผัส แต่ยังช่วยให้ผู้ประกอบการประหยัดค่าน้ำได้อีกด้วยครับ

        4. แยกของใช้ แยกเครื่องปรุง
        ของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างขวดซอส ขวดพริกไทยและเครื่องปรุงรสใด ๆ มักถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอาหาร เพื่อให้ลูกค้าสามารถปรุงรสด้วยตนเองได้อย่างสะดวก แต่จุดเล็ก ๆ เหล่านี้เอง อาจกลายเป็นต้นตอของการแพร่กระจายเชื้อไวรัสครั้งใหม่ เพราะเมื่อผู้ใช้สัมผัสขวด สัมผัสช้อน หรือบางร้านตั้งเครื่องปรุงไว้โดยไม่มีฝาปิดอย่างมิดชิด หากลูกค้าโต๊ะก่อนหน้าติดเชื้อโควิด การส่งต่อเชื้อให้ลูกค้าโต๊ะถัดไปย่อมเกิดขึ้นได้ไม่ยาก

        วิธีการที่ถูกต้อง ควรเก็บแยกเครื่องปรุงต่าง ๆ ทั้งหมด และแบ่งเสิร์ฟใส่จานน้ำจิ้มเล็ก ๆ แทน หากลูกค้าต้องการเครื่องปรุงใดเพิ่ม ค่อยเสิร์ฟแยกภายหลัง วิธีนี้จะช่วยลดการสัมผัส ผู้ใช้บริการจะรู้สึกอุ่นใจในการรับประทาน และอย่าลืมตั้งเจลแอลกอฮอล์ไว้ทุก ๆ โต๊ะด้วยนะครับ

        5. เครื่องฟอกอากาศ กำจัดเชื้อไวรัสได้
        โดยทั่วไปเครื่องฟอกอากาศมักนำมาใช้ในช่วงค่าฝุ่นละออง PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน แต่ทราบกันหรือไม่ว่า เครื่องฟอกอากาศหลาย ๆ รุ่น มีคุณสมบัติกำจัดเชื้อไวรัสได้ โดยเครื่องฟอกอากาศเหล่านี้มักมาพร้อมกับเทคโนโลยีพลาสมา ปล่อยประจุไอออนบวกและลบออกมาในอากาศ เพื่อกำจัดเชื้อโรค เชื้อไวรัส แบคทีเรียและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ช่วยให้อากาศภายในห้องมีความบริสุทธิ์ ลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสได้เป็นอย่างดี 

        สำหรับร้านอาหารที่มีพื้นที่ใช้สอยมาก การติดตั้งเพียงเครื่องฟอกอากาศทั่วไปอาจไม่ครอบคลุมพื้นที่การใช้งาน ปัจจุบันมีอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า Bi-ionization Air Purifier สามารถนำมาติดตั้งร่วมกับเครื่องปรับอากาศภายในร้านได้ทุกรุ่น หรือจะนำมาใช้ร่วมกับแอร์ในบ้านได้เช่นกัน สามารถฆ่าเชื้อโรค เชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศได้ถึง 99% รวมทั้งไวรัสตระกูลโคโรนาด้วย นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์ยุคโควิดได้เป็นอย่างดี

        อย่างไรก็ตาม หากร้านอาหารไม่ได้เป็นอาคารที่ปิดทึบ มีหน้าต่างให้ระบายอากาศ การเปิดหน้าต่างเพื่อรับแสงแดดธรรมชาติ รับอากาศใหม่ ๆ เข้ามาหมุนเวียน เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำอย่างเป็นประจำทุก ๆ วัน

        6. เก็บอาหารอย่างมิดชิด
        หากภายในร้านมีขนมทานเล่น เบเกอรี่ หรืออาหารที่ปรุงสำเร็จวางจำหน่าย สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือจุดวาง ห้ามวางไว้โดยไม่มีภาชนะปิดกั้นใด ๆ  แม้การแพร่เชื้อไวรัสผ่านอาหารจะมีโอกาสที่น้อยมาก เพราะส่วนใหญ่ขณะลูกค้าเลือกอาหารจะต้องสวมหน้ากากอนามัย แต่การทำให้ลูกค้าเห็นถึงวิธีป้องกัน เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้มักมีผลด้านความรู้สึก ช่วยให้ลูกค้าอุ่นใจในการใช้บริการ เมื่อลูกค้ารู้สึกถึงความปลอดภัยแล้ว การกลับมาใช้บริการครั้งถัดไป ย่อมเกิดขึ้นได้ไม่ยากครับ

        การเข้มงวดในมาตรการต่าง ๆ อาจดูยุ่งยากหรือทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่สะดวกในบางครั้ง แต่หากสิ่งนี้ช่วยให้เกิดความปลอดภัยทั้งลูกค้าและผู้ให้บริการ ย่อมเป็นสิ่งที่คุ้มค่าเหนือสิ่งใด และเมื่อลูกค้ารู้สึกไว้วางใจแล้ว พวกเขาจะกลับมาใช้บริการใหม่ กลายเป็นลูกค้าประจำก็เป็นได้ครับ ขอให้ผู้ประกอบการทุกท่าน ผ่านวิกฤตโควิดนี้ไปด้วยกัน รอวันที่จะกลับมาเปิดให้บริการตามปกตินะครับ