SCG แบรนด์หลังคาอันดับ 1
ที่ครองใจผู้บริโภคต่อเนื่องเป็นปีที่ 10
หลังคาที่ดีต้องเป็น “มากกว่าหลังคา” นี่คือแนวคิดในการทำงานของ SCG แบรนด์หลังคาอันดับ 1 ที่ครองใจผู้บริโภคต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 จากผลสำรวจ 2022 Thailand’s Most Admired Brand
คุณธงชัย โสภณ Head of Housing Products Business บริษัท เอสซีจี รูฟฟิ่ง จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ หลังคาเอสซีจี เข้าไปยืนอยู่ในใจผู้บริโภคได้อย่างยาวนานนั้นเป็นผลจากการเข้าไปทำความเข้าใจผู้บริโภคถึงความต้องการ ตลอดจน Pain Point ที่เกิดขึ้นตามสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป นำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่มาจากการสั่งสมประสบการณ์กลายเป็นองค์ความรู้ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านหลังคามายาว นานมากกว่า 84 ปี เพราะไม่เพียงแต่พัฒนาหลังคารุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเท่านั้น แต่ยังนำเสนอโซลูชันด้านหลังคาแบบครบวงจร ตั้งแต่บริการตรวจเช็กหลังคาโดยใช้โดรนสำรวจเป็นเจ้าแรกของตลาด ตลอดจนวางแผนติดตั้งอย่างมืออาชีพ พร้อมบริการหลังการขายจนถึงระบบหลังคาที่สามารถระบายอากาศภายในบ้าน และระบบหลังคาโซล่าร์ด้วย
“ฤดูร้อนของเมืองไทยร้อนมากขึ้นทุกปี เราจึงต้องให้ความสำคัญกับหลังคาส่วนที่รับความร้อนโดยตรง ซึ่งส่งผลต่อความร้อนภาย ในบ้านและภายใต้หลังคาที่มีอุณหภูมิสูงถึง 50-60 องศาเซลเซียส เราจึงพัฒนา SCG Active AIRflow System ระบบถ่ายเทอากาศภายในบ้านที่ระบายความร้อนภายใต้หลังคาเพื่อให้บ้านเย็นขึ้น รวมถึง SCG Active AIR Quality ระบบปรับคุณภาพอากาศภายในบ้าน กรองอากาศดีเข้าภายในบ้านและดันอากาศเสียออกนอกตัวบ้าน อากาศจึงสะอาดและปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 เชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัสต่างๆ”
ความสำเร็จในปีที่ผ่านมายังสะท้อนมาจากการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยเปิดตัวหลังคาคอนกรีตรุ่น CPAC Smooth Cool ผิวสัมผัสเรียบเนียน มาพร้อมลอนหลังคาแบบลอนเล็ก หรือ “ลอนเซ็นจูเรียน” เอกลักษณ์เฉพาะของเอสซีจี ช่วยสร้างมิติใหม่ให้ผืนหลังคาบ้านดูโดดเด่น ทันสมัย แตกต่างจากหลังคาลอนแบบเก่า
รวมถึงการคิดค้นเทคโนโลยีล้ำสมัยแห่งปี 2022 ที่ทำให้หลังคา Slim บางลงกว่าเดิมเพิ่มความเท่ให้กับบ้าน แต่ยังคงความแข็งแรงทนทาน อย่างหลังคาคอนกรีตเอสซีจี รุ่น “Prestige X-Shield SLIM” พร้อมนวัตกรรมเคลือบสีสูตรพิเศษ X-Shield Technology ช่วยให้สีสวย ทนกว่าหลังคาคอนกรีตทั่วไป 3 เท่า ทางเลือกใหม่ในการออกแบบบ้านสไตล์โมเดิร์น
หลังคาคอนกรีต รุ่น CPAC Smooth Cool
หลังคาคอนกรีตเอสซีจี รุ่น Prestige X-Shield SLIM
“เพราะผู้บริโภคมี Need กับ Pain ที่ต่างกันออกไป ฉะนั้นเราต้องเอาความชำนาญที่เรามีกว่า 84 ปี เอาโนว์ฮาวต่างๆ หรือจับความต้องการใหม่ๆ แล้วมาพัฒนาปรับปรุงนั่นคือสิ่งที่เราทำมาตลอด แต่เราก็ไม่ละเลยเรื่องของสินค้าใหม่ที่ต้องทำออกมาให้ตรงใจผู้บริโภค”
สำหรับแผนการทำงานในปีนี้ คุณธงชัยมองว่าจะเป็นปีของการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่แท้จริงตามพฤติกรรมการใช้ชีวิตของกลุ่มคนทำงานที่เริ่มทำงานแบบ Hybrid Workplace อย่างเต็มรูปแบบ หรือนักเรียนนักศึกษาที่เรียนออนไลน์ ดังนั้นบ้านจึงเป็นสถานที่หลักสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งส่งผลต่อความต้องการลงทุนปรับปรุงบ้านให้เหมาะกับการใช้ชีวิตที่บ้านมากขึ้น
“Message ที่เราจะโฟกัสมากขึ้นในปีนี้ก็คือ “More Than Roof” โดย เอสซีจีจะเป็นมากกว่าแค่กระเบื้องหลังคา โดยต่อยอดเป็นเทคโนโลยีระบบหลังคาที่สามารถเข้ามาจัดการพลังงาน หรือ Home Energy Management รวมถึงประเมินคุณภาพอากาศภายในบ้านผ่านฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชันที่ใช้กับ SCG Solar Roof Solutions ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมี Energy Meter ที่สามารถบอกปริมาณการใช้และผลิตพลังงานในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังมี IoT ต่างๆ ที่สามารถบอกอุณหภูมิความชื้นสัมพัทธ์ หรือ แม้กระทั่งค่าฝุ่น PM 2.5 ภายในบ้านซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน”
อย่างไรก็ดีจากสัญญาณธุรกิจภาคอสังหาฯ ที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวในปีนี้โดยเฉพาะตลาดแนวราบ ย่อมส่งผลดีต่อตลาดหลังคา แต่การฟื้นตัวที่ “เร็ว” คงเทียบไม่ได้กับการฟื้นตัวอย่าง “ยั่งยืน” ดังนั้น เอสซีจี ยังคงเดินหน้ากับการเป็นมากกว่าหลังคาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหลังคาสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับตลาดอย่างไม่หยุดนิ่ง ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีต่อการใช้งาน ดีต่อสุขภาพ และดีต่อโลก ภายใต้ฉลาก “SCG Green Choice” ที่ให้การรับรองผลิตภัณฑ์และบริการที่เน้น 3 หลักสำคัญ คือ Climate Resilience การประหยัดพลังงานและลดโลกร้อน ใช้พลังงานหมุนเวียน และลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก Circularity การประหยัดทรัพยากรธรรมชาติและยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ และ Well-being การส่งเสริมสุขภาพ และสุขอนามัยที่ดีของผู้บริโภค เช่น สินค้า SCG Active AIR Quality ระบบที่ปรับคุณภาพอากาศภายในบ้านให้สะอาด ปลอดภัยจากฝุ่น เชื้อโรค และไวรัส
ดังนั้น เอสซีจีจึงไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค แต่เป็นนวัตกรรมที่เดินคู่ไปกับโลกอย่างยั่งยืน
